อากาศในห้องนอนที่เปิดแอร์จนเย็นฉ่ำทำให้ความอบอุ่นจากผ้าห่มไม่เพียงพอต่อไป ร่างของนภัสรพีขดเข้าหากันก่อนที่จะพลิกตะแคง แล้วค่อยขยับตัวเข้าหาไออุ่นจากร่างกายอีกคน
เมธัสที่เป็นคนรู้สึกตัวไวสะดุ้งตื่นขึ้นแทบจะทันที ดวงตาที่กระพริบถี่จ้องมองร่างของพี่ขดเข้าหา แขนและขาที่ยาวอยู่แล้วยิ่งดูเก้งก้างด้วยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี เขามองอยู่ครู่ใหญ่แล้วค่อยๆเอามือโอบกอดเอาไว้
อากาศมันหนาว…..ถ้าถามตอนเช้าค่อยบอกอย่างงี้แล้วกัน
พอได้ไออุ่นจากร่างกายอีกคน นภัสรพียิ่งเบียดตัวเข้าหามากขึ้นซ้ำยังยึดเอาไว้แน่นจนใบหน้าสัมผัสกับแผ่นอกของอีกฝ่ายผ่านเนื้อผ้า
ตาย…ตายแน่กู…ตายแน่ไอ้ปั๊บ
เพราะอีกฝ่ายที่ซุกตัวมาจนแทบจะจูบได้ทำให้เด็กหนุ่มยิ่งว้าวุ่นเข้าไปใหญ่ ยิ่งขยับจะหนี พี่อาลัวก็ยิ่งซุกเข้ามาจนทำได้แต่ถอนใจ
“พี่แม่งโคตรบาปเลยว่ะ….” เมธัสมองแล้วค่อยๆเลื่อนใบหน้าลงใกล้จนจมูกแทบจะชนกัน
บาป….
บาปสัดๆ….
และก่อนที่จะห้ามตัวเองได้ ริมฝีปากอุ่นๆก็ทาบทับลงไปบนเรียวปากชุ่มชื้นของคนเป็นพี่ที่อยู่ในห้วงนิทรา
นภัสรพีส่งเสียงครางในลำคอเบาๆ ก่อนจะขยับตัวอีกเล็กน้อย
ริมฝีปากที่แนบชิดขยับออกห่างเล็กน้อย เมธัสไม่ลังเลเลยที่จะประทับอีกครั้ง…ความหวานหอมของการลักลอบกระทำ แม้จะรู้สึกผิดแต่กลับทำให้ยิ่งมัวเมาขึ้นไปกว่าเดิม
ริมฝีปากบนของคนหลับถูกขบเบาๆก่อนที่ปลายลิ่นอุ่นร้อนของคนรุกรานจะหาทางเข้าไป ลมหายใจร้อนผ่าวเป่าผิวแก้มจนน่ากลัวว่าอีกฝ่ายจะตื่น แต่เพราะความปรารถนาที่กักเก็บไว้นาน…เกือบเท่าช่วงเวลาที่รู้จักกันมา ทำให้เมธัสได้แต่ร้องขอให้คนที่ถูกจูบอย่าลืมตาขึ้นเลย
“ปั๊บรักพี่นะ….”
เด็กหนุ่มกระซิบแผ่วกับริมฝีปากที่แนบชิด…ด้วยแววตาที่เพียงจะลืมตาขึ้นมามองก็จะรับรู้ได้ทุกอย่าง
“รัก..นะครับ….”
——————————————————-
นภัสรพีค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงแตรรถจากบ้านใกล้ๆ เขามองคนที่โอบกอดตัวเองไว้จนแนบชิดแล้วหลับตาลงอีกครั้ง ใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏขึ้น “ตัวโตขนาดกอดพี่ได้แล้วเหรอเนี่ย” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเอง
“ง่วง….อือ….พี่อาลัว…..”